กรณีศึกษา ENRON

มหากาพย์การตกแต่งบัญชีที่ล้มยักษ์ใหญ่พลังงาน และบทเรียนราคาแพงสำหรับนักลงทุน

เส้นทางสู่การล่มสลาย

คลิกที่ปีเพื่อดูเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่หนึ่งในการล้มละลายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

  • 1997: จุดเริ่มต้นของกลโกง

  • สิงหาคม 2000: จุดสูงสุด

  • สิงหาคม 2001: สัญญาณอันตราย

  • ตุลาคม 2001: ความจริงเริ่มปรากฏ

  • ธันวาคม 2001: วันสิ้นสุด

แอนดรูว์ ฟาสเตา ขึ้นเป็น CFO

เขาเริ่มใช้โครงสร้างบริษัทลูกที่ซับซ้อน (SPEs) เพื่อซ่อนหนี้สินและสร้างกำไรปลอม ซึ่งเป็นกลไกหลักที่นำไปสู่การล่มสลาย

เจาะลึกกลโกง: Enron ตกแต่งบัญชีอย่างไร?

หัวใจของหายนะคือการบิดเบือนหลักการบัญชี 2 ข้อหลัก เพื่อสร้างภาพลวงตาของความสำเร็จ

1. สร้างกำไรทิพย์ (Mark-to-Market)

Enron บันทึก "กำไรที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต" เข้ามาเป็นรายได้ในปัจจุบันทันที

2. ซ่อนหนี้สินมหาศาล (SPEs)

Enron ตั้งบริษัทลูก (SPEs) ขึ้นมาเพื่อ "รับโอน" หนี้สินออกจากงบดุลของตัวเอง

งบดุล ENRON (สาธารณะ)

หนี้สิน: 100

D/E Ratio: 1.0

งบดุล SPE (ซ่อนไว้)

หนี้สิน: 0

ผลกระทบและความเสียหาย

การล่มสลายของ Enron ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ตัวบริษัท แต่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

$74,000,000,000

มูลค่าความเสียหายของนักลงทุน

29,000

พนักงานที่ต้องตกงาน

ARTHUR ANDERSEN

บริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลกต้องล่มสลาย

บทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุน

กรณีของ Enron ได้ทิ้งบทเรียนราคาแพงไว้ให้นักลงทุนทั่วโลก

💰

อย่าเชื่อกำไรในกระดาษ

ให้ความสำคัญกับ "งบกระแสเงินสด" เสมอ บริษัทที่กำไรดีแต่ไม่มีเงินสดเข้าจริง (OCF ติดลบ) คือสัญญาณอันตราย

📜

อ่านหมายเหตุประกอบงบการเงิน

รายละเอียดที่ซับซ้อนและธุรกรรมแปลกๆ มักจะถูกซ่อนไว้ในส่วนนี้ หากอ่านแล้วไม่เข้าใจ ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน

🔗

ระวังหนี้สินที่มองไม่เห็น

ทำความเข้าใจโครงสร้างบริษัททั้งหมด อย่าดูแค่ D/E Ratio ในงบหลักเพียงอย่างเดียว

🏃

จับตาสัญญาณจากผู้บริหาร

การลาออกอย่างกะทันหันของผู้บริหารระดับสูง หรือวัฒนธรรมองค์กรที่กดดันยอดขายระยะสั้น คือสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม